เมนู

กลับ

คายอ้อ ลบหลู่ ศรัทธา อาถรรพ์

7.2
2025

ขณะทำพิธีได้เกิดเหตุร้ายเมื่อ ชัย (อ๊อฟ สุรพล) เสียชีวิตอย่างอนาถ ทำให้ผู้คนในคณะหมอลำร่ำลือว่าเป็นเพราะมันผิดคายอ้อ เคน (เน็ค นฤพล) เริ่มสงสัยว่าการตายของชัยอาจจะมีเงื่อนงำ เริ่มค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น คำแพง (เบลล์ นิภาดา) สื่อกับวิญญาณของแม่ครูที่มาเตือนว่าอย่าให้ใครลบหลู่ความศรัทธา....หายนะในวงหมอลำเริ่มขึ้น เมื่อ เดี่ยว (กานต์ ทศน) และ แหวว  (อ๋อมแอ๋ม ละมัย แสงทอง) ไม่เชื่อแล้วยังลบหลู่ความศรัทธาอย่างร้ายแรง  ผู้จัดการหวัด (ตูมตาม ยุทธนา) เริ่มเห็นผีในวงหมอลำ คำแพงและเคนจับมือกันค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเชื่อ ความศรัทธา ค้นหาคำตอบ อาถรรพ์คายอ้อมีจริงหรือไม่?

รีวิวโดย Revs - เรวฟส์Jul 19, 2025

คะแนนแยกตามหมวดหมู่

2.4 / 10
คะแนนรวม
เนื้อเรื่อง
3/ 10
การกำกับ
1/ 10
การแสดง
5/ 10
ภาพและเสียง
2/ 10
ความบันเทิง
1/ 10

บทนำ

“คายอ้อ” เป็นภาพยนตร์อีสานที่พูดถึงความเชื่อเรื่อง คายอ้อ หรือถ้าจะให้อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ มันคือพิธีแสดงความเคารพต่อครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งมันก็จะพ่วงมากับหลักปฏิบัติที่เป็นเหมือนกุศโลบายสำหรับวงการหมอลำที่ต่างก็ปฏิบัติสืบทอดกันมาเรื่อย ๆ

การวิเคราะห์

ตัวสารตั้งต้นอย่าง คายอ้อ มันค่อนข้างน่าสนใจอยู่แล้วโดยเฉพาะในมุมมองของผู้ชมซึ่งส่วนใหญ่แล้วน่าจะเป็นคนนอกวงการ จึงทำให้หนังพอจะดึงดูดผู้ชมจากตรงนี้ได้อยู่บ้าง และถึงแม้ว่าหน้าหนังจะดูเหมือนเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่จริง ๆ แล้วตัวหนังดูง่าย เข้าใจง่ายมาก ๆ จังหวะการเล่าเรื่องของหนังเชื่องช้ามาก ๆ อารมณ์เดียวกับหนังสยองขวัญสัญชาติอินโดนิเซีย ซึ่งถ้าใครรู้สึกชอบ ก็น่าจะถูกจริตกับตัวหนัง แต่เชื่อว่าก็น่าจะมีหลาย ๆ คนที่ไม่ชอบจังหวะการเล่าเรื่องแบบนี้เช่นกัน ซึ่งปัญหาของ “คายอ้อ” จริง ๆ แล้วอาจไม่ได้อยู่ที่การเล่าช้า แต่เป็นเพราะหนังแทบไม่มีจุดไหนที่น่าสนใจเลยตลอดทั้งเรื่อง ถ้ามองกันในแง่ของความสยองขวัญ “คายอ้อ” นั้นแทบจะติดลบเลยก็ว่าได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องหนังไม่สามารถสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้ชมได้เลย ตัวผีบรรพบุรุษที่หนังใส่มามองเผิน ๆ ก็ดูน่ากลัวใช้ได้ แต่เมื่อหนังหยิบเอาตัวละครนี้เข้าฉาก มันจะสามารถสัมผัสได้ถึงความลอยของตัวละครที่ทำให้คนดูไม่รู้สึกเชื่อในการมีอยู่ของตัวละครนี้ อีกอย่างที่หนังสอบตกคือ “การสร้างบรรยากาศ” บรรยากาศถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับการทำหนังสยองขวัญ ซึ่งสิ่งที่ “คายอ้อ” พยายามจะทำคือการเกรดสีให้มีความมืด ๆ หม่น ๆ ตลอดทั้งเรื่อง และพยายามปั้นความลี้ลับให้สิ่งต่าง ๆ เช่น บ่อน้ำร้าง ทว่าทุกสิ่งที่ทำมันกลับไม่ช่วยส่งให้หนังมีความสยองขวัญเพิ่มขึ้นเลย ในทางกลับกัน มันกลับให้ความรู้สึกที่ฝืนและดูจงใจมากจนเกินไป และทำให้คุณภาพงานของหนังดูแย่ลงอีกด้วย อีกหนึ่งปัญหาสำคัญของหนังคือ “ความต่อเนื่องระหว่างฉาก” มีอยู่หลายจังหวะในหนังที่ตัวละครแต่ละตัวย้ายไปย้ายมาข้ามฉากโดยไม่มีความต่อเนื่อง และท่าประจำของหนังคือการสร้างสถานการณ์ที่เจียนเป็นเจียนตายให้ตัวละคร ก่อนที่ภาพจะตัด และทุกอย่างในเรื่องก็กลับมาเป็นปกติ ทำให้ตลอดเวลาที่ดูหนังอย่าง “คายอ้อ” อารมณ์ของผู้ชมนั้นติด ๆ ขัด ๆ อยู่ตลอดเวลา จากการเล่าฉากที่ไม่มีความสอดคล้องกัน ทีนี้เมื่อมองข้ามเรื่องความสยองขวัญออกไป ตัว object ที่เป็นตัวหลักของหนังอย่าง คายอ้อ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อชักชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามไปกับมัน มันคืออะไร? มีอยู่ทำไม? ส่งผลอย่างไร? ซึ่งหนังทำสำเร็จในการชักชวนให้เกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นมา หากแต่สุดท้ายแล้ว หนังกลับไม่สามารถเชื้อชวนให้ผู้ชมอยากหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านั้นได้เลย ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากความเฉพาะกลุ่มของวัฒนธรรมคายอ้อแต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นเพราะตัวหนังไม่ได้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงวัฒนธรรมนี้มากพอ ผู้ชมไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวมัน หรือมองเห็นคุณค่าของมันผ่านเรื่องราวที่หนังนำเสนอ แม้หนังจะพยายามชี้นิ้วให้คนดูเห็นผ่านบทพูดของตัวละครต่าง ๆ ที่พล่ามบอกถึงการมีอยู่ของมันอยู่ตลอดก็ตาม สุดท้ายแล้ว คายอ้อคืออะไร? มีอยู่ทำไม? ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผู้ชมต้องการจะรู้อีกต่อไป เพราะตัวหนังเลือกทำลายความน่าสนใจของ object นี้ และหันไปเล่าเรื่องราวอีกส่วนที่พูดถึงความเชื่อคนละเรื่องกัน อย่างเรื่องบาปบุญคุณโทษ-เวรกรรม แทน ซึ่งนั่นก็ยิ่งลดทอนความน่าสนใจของหนังลงไปอีก เพราะประเด็นเหล่านี้ถูกสะท้อนผ่านหนังสยองขวัญไทยอยู่นับครั้งไม่ถ้วน และยิ่งหนังนำเสนอมันออกมาอย่างตงฉินแค่ไหน มันก็ยิ่งน่าเอือมระอาสำหรับผู้ชมมากเท่านั้น สิ่งเดียวที่พอจะดึงดูดผู้ชมเอาไว้ได้ คือ นักแสดงบทหลัก ๆ ซึ่งถือว่าแสดงค่อนข้างโอเค เราได้เห็นคุณเน็ก นฤพล หรือคุณตูมตาม ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการหนังและละครมาพอสมควรแล้ว ช่วยประคับประคองหนังเอาไว้ได้ประมาณนึง นักแสดงคนอื่น ๆ ก็ถือว่าใช้ได้ จะมีติดแค่นักแสดงบทประกอบหรือบทเล็ก ๆ บางคนที่แอคติ้งยังไม่ผ่าน ก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกตงิดไปบ้าง

สรุป

“คายอ้อ” ควรจะน่าสนใจกว่านี้ด้วยการหยิบเอาวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มมาตีความให้ Mass ผ่าน Genre สยองขวัญ แต่สุดท้ายแล้วหนังกลับหลงประเด็น วกกลับไปเล่าเนื้อหาเดิม ๆ ที่เห็นกันนับไม่ถ้วนแล้ว มิหน้ำซ้ำยังสอบตกด้านความสยองขวัญอย่างรุนแรง จนทำให้หนังแทบไม่เหลืออะไรให้ผู้ชมได้สนใจนอกจากนักแสดง

เข้าสู่ระบบ

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียนเพื่อตอบกลับ